
ภาพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีตามเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นภาพที่ประชาชนคนไทยคุ้นตามานาน
หลายสิบปีตั้งแต่ทรงเยาว์พระชันษาจนเติบใหญ่ การติดตามโดยเสด็จพระราชดำเนิน ทำให้พระองค์
ได้ทอดพระเนตรเห็นสภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชน ช่วยให้ทรงทราบปัญหาต่างๆ
ตลอดจนทรงซึมซับและเรียนรู้หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ
พระองค์จึงทรงใฝ่พระราชหฤทัยในการทรงงานต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้อยู่ดีกินดีและเพื่อทรงแบ่งเบาพระราชกรณียกิจโดยทรงพระวิริยะอุตสาหะในการทรงปฏิบัติภารกิจอันเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและราษฎรอย่างไม่ทรงรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
หรือย่อท้อแต่ประการใด ด้วยทรงตั้งปณิธานเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ในการทรงงานพัฒนา
ประเทศตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงให้ความสำคัญและตรัสเสมอว่า “คน” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพัฒนา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีทรงพระราชนิพนธ์เกี่ยวกับหลักการทรงงาน
ของพระองค์ในบทความเรื่อง “เรียนรู้การทรงงานสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ซึ่งพระราชทานลงพิมพ์เป็นบทนำในหนังสือ
“สัจธรรมแห่งแนวพระราชดำริฯ สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ว่า
“...ข้าพเจ้าได้ยึดหลักการดำเนินงาน ซึ่งได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตามเสด็จ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ดังนี้
- การพึ่งพาตนเองโดยเน้นให้ทุกคนได้ช่วยเหลือตนเองก่อนเป็นอันดับแรกเช่น การให้เมล็ดพันธุ์พืชผัก พันธุ์สัตว์เพื่อผลิตอาหารไว้บริโภคเองแทนที่จะให้อาหารโดยตรงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ต่อไป เป็นต้น
- การมีส่วนร่วมเน้นให้ผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการทำโครงการได้มีส่วนในการช่วยคิด ช่วยทำ อาทิการที่ผู้ปกครองและเด็กต้องร่วมกันวางแผนและทำการผลิตทางการเกษตร จัดเวรในการ ประกอบอาหารกลางวัน ซึ่งมีผลทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ ได้เรียนรู้และเข้าใจในกิจกรรมที่ทำอยู่
- การพัฒนาแบบองค์รวมโดยผ่านกระบวนการเรียนรู้ โดยเน้นการพัฒนาในทุกๆ ด้าน ไปพร้อมๆกัน นอกจากนี้กลุ่มเป้าหมายจะต้องได้รับความรู้จากกิจกรรมที่ทำและสามารถนำความรู้ที่ได้ ไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิตต่อไปได้อาทิโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีวัตถุประสงค์เพื่อ แก้ปัญหาการขาดแคลนอาหาร มีการดำเนินกิจกรรมให้ความรู้ด้านเกษตรกรรมและกลุ่มเป้าหมาย ได้ปฏิบัติจริงทั้งการปลูกและประกอบอาหาร
- การพัฒนาระบบประสานงานความร่วมมือจากทุกส่วน ในการช่วยเหลือจากภาครัฐบาล และภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศ มีการจัดทำแผนงานหลักของโครงการทุกๆระยะ๕ปีเพื่อให้ทุกส่วน ที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวทางทำให้งานต่างๆ มีความก้าวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้และประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน โดยมีการอบรม การประชุมสัมมนาการศึกษาดูงาน เพื่อให้ความรู้และเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้ปฏิบัติงาน โครงการเป็นประจำ รวมทั้งมีการประเมินและรายงานผลการดำเนินงานเป็นระยะ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงาน ทราบถึงความก้าวหน้าของโครงการ และสามารถนำไปปรับปรุงการดำเนินงานได้
- การยึดหลักการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสอดคล้องกับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น กิจกรรม การพัฒนาต่างๆ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนำภูมิปัญญา และวัฒนธรรมท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้...”